บทความที่ได้รับความนิยม
-
มัลติมิเตอร์ Multimeter or Volt-Ohm-Milliammeter, V.O.M การสร้างโวลต์มิเตอร์ แอมมิเตอร์ โอห์มมิเตอร์ ล้วนแต่มีส่วนเคลื่อนที่เป็นอ...
มัลติมิเตอร์ ( Multimeter or Volt-Ohm-Milliammeter, V.O.M )
มัลติมิเตอร์ Multimeter or Volt-Ohm-Milliammeter, V.O.M
การสร้างโวลต์มิเตอร์
แอมมิเตอร์ โอห์มมิเตอร์
ล้วนแต่มีส่วนเคลื่อนที่เป็นองค์ประกอบ
ส่วนที่แตกต่างกันระหว่างเครื่องวัดทั้ง 3 ชนิดคือ
วงจรที่ใช้กับส่วนเคลื่อนที่
เครื่องวัดที่ออกแบบมาให้สามารถเลือกใช้ฟังก์ชันของเครื่องวัดทั้ง 3
ชนิด ข้างต้นได้ โดยใช้สวิตช์เลือกวงจรที่ต่อกับส่วนเคลื่อนที่นั้นเรียกว่า
มัลติมิเตอร์
มัลติมิเตอร์ ประกอบด้วยส่วนต่างๆดังนี้
1. ohm
meter เครื่องวัดค่าความต้านทาน
2. volt
meter เครื่องวัดค่าแรงเคลื่อนหรือแรงดันไฟฟ้า
3. miliamp
meter เครื่องวัดค่ากระแสไฟตรง
ทั้งหมดนี้รวมเรียกว่า
multi
meter หรือ ( V.O.M. meter )
ส่วนประกอบของมัลติมิเตอร์
มัลติมิเตอร์
เป็นมิเตอร์ใช้วัดปริมาณไฟฟ้าได้หลายชนิดถูกสร้างขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวก
ต่อผู้ใช้ปริมาณไฟฟ้าที่วัดได้ เช่น แรงดันไฟฟ้า กระแสไฟฟ้า ความต้านทานไฟฟ้า และวัดปริมาณ ไฟฟ้าอื่น ๆ ได้อีกซึ่งแล้ว แต่รุ่นของมัลติมิเตอร์นั้น
มัลติมิเตอร์ซันวานับ ได้ว่าเป็นมัลติมิเตอร์ที่นิยมใช้งานมากยี่ห้อหนึ่งใน
ประเทศไทย การทำความรู้จักส่วนประกอบต่าง ๆ
ของ มัลติมิเตอร์จึงเป็นเรื่องจำเป็นจะช่วยให้สามารถใช้งานมัลติมิเตอร์ได้
ถูกต้องและเกิดความปลอดภัยทั้งมัลติมิเตอร์และตัวผู้ใช้มัลติมิเตอร์ รูปร่างและส่วนประกอบของมัลติมิเตอร์
หมายเลข 1 คือ สกรูใช้สำหรับปรับแต่งตำแหน่งเข็มชี้ของมิเตอร์ให้ชี้ที่ตำแหน่งด้านซ้ายมือสุดของสเกลพอดี คือชี้ที่เลข 0 หรือเลข ?
หมายเลข 2 คือสวิตซ์ปรับเลือกย่านวัด สามารถหมุนได้รอบตัว ใช้สำหรับการเลือกปริมาณ
ไฟฟ้าที่จะวัด ย่านการตั้งวัดที่เหมาะสม
หมายเลข 3 คือขั้วต่อขั้วบวก (+) ของมิเตอร์หรือขั้ว P ใช้สำหรับต่อสายวัดเส้นสีแดง เพื่อใช้วัดปริมาณไฟฟ้า
หมายเลข 4 คือขั้วต่อขั้วลบ (- COM) ของมิเตอร์หรือขั้ว N ใช้สำหรับต่อสายวัดเส้นสีดำเพื่อใช้วัดปริมาณไฟฟ้า
หมายเลข 5 คือ ขั้วต่อเอาต์พุต (OUTPUT) เป็นขั้วต่อใช้สำหรับวัดความดังของสัญญาณเสียง เช่น จากวงจรขยายเสียง วัดออกมาเป็นเดซิเบล (dB)
หมายเลข 6 คือ ปุ่มสำหรับปรับแต่งให้เข็มชี้ของมิเตอร์ให้ชี้ที่ตำแหน่งศูนย์โอห์มพอดี (0WADJ) ขณะปลายสายวัดของมิเตอร์แตะเข้าด้วยกัน เมื่อใช้ย่านวัดโอห์ม (W) ของมิเตอร์
หมายเลข 7 คือ แผ่นป้ายแสดงชื่อมิเตอร์และรุ่นมิเตอร์
หมายเลข 8 คือ เข็มชี้ของมิเตอร์
แสดงรูปร่างและตำแหน่งของส่วนต่าง
ๆ ของมัลติมิเตอร์ยี่ห้อ SANWA รุ่น YX-360TR
เป็นมัลติมิเตอร์รุ่นที่นิยมใช้งานและมีมัลติมิเตอร์ยี่ห้ออื่น ๆ
ที่สร้างเลียนแบบมัลติมิเตอร์รุ่นนี้มากมาย ส่วนต่าง ๆ
ถูกกำกับไว้ด้วยหมายเลขแต่ละส่วนอธิบายรายละเอียดได้ดังนี้
หมายเลข 1 คือ สกรูใช้สำหรับปรับแต่งตำแหน่งเข็มชี้ของมิเตอร์ให้ชี้ที่ตำแหน่งด้านซ้ายมือสุดของสเกลพอดี คือชี้ที่เลข 0 หรือเลข ?
หมายเลข 2 คือสวิตซ์ปรับเลือกย่านวัด สามารถหมุนได้รอบตัว ใช้สำหรับการเลือกปริมาณ
ไฟฟ้าที่จะวัด ย่านการตั้งวัดที่เหมาะสม
หมายเลข 3 คือขั้วต่อขั้วบวก (+) ของมิเตอร์หรือขั้ว P ใช้สำหรับต่อสายวัดเส้นสีแดง เพื่อใช้วัดปริมาณไฟฟ้า
หมายเลข 4 คือขั้วต่อขั้วลบ (- COM) ของมิเตอร์หรือขั้ว N ใช้สำหรับต่อสายวัดเส้นสีดำเพื่อใช้วัดปริมาณไฟฟ้า
หมายเลข 5 คือ ขั้วต่อเอาต์พุต (OUTPUT) เป็นขั้วต่อใช้สำหรับวัดความดังของสัญญาณเสียง เช่น จากวงจรขยายเสียง วัดออกมาเป็นเดซิเบล (dB)
หมายเลข 6 คือ ปุ่มสำหรับปรับแต่งให้เข็มชี้ของมิเตอร์ให้ชี้ที่ตำแหน่งศูนย์โอห์มพอดี (0WADJ) ขณะปลายสายวัดของมิเตอร์แตะเข้าด้วยกัน เมื่อใช้ย่านวัดโอห์ม (W) ของมิเตอร์
หมายเลข 7 คือ แผ่นป้ายแสดงชื่อมิเตอร์และรุ่นมิเตอร์
หมายเลข 8 คือ เข็มชี้ของมิเตอร์
การใช้โวลต์มิเตอร์
โวลต์มิเตอร์เป็นเครื่องมือวัดแรงดันไฟฟ้า หลักการทำงานของโวลต์มิเตอร์ (
แบบแอนะลอก) คือกระแสไฟฟ้าจากแรงดันที่ต้องการวัดไหลผ่าน
ตัวต้านทานที่กำหนดย่านวัด (RANGE) ไปเลี้ยง moving
coil ที่มีเข็มติดอยู่จะเกิดสนามแม่เหล็กผลักดันกับสนามแม่เหล็กถาวร
แสดงหลักการทำงานของมิเตอร์
แสดงวงจร
DCV
ของมัลติมิเตอร์รุ่น YX-360 TR, YX-360 TRE
แสดงวงจร
ACV
ของมัลติมิเตอร์รุ่น YX-360 TR, YX-360 TRE
แสดงสเกลหน้าปัดสำหรับแสดงค่าปริมาณไฟฟ้าชนิดต่าง
ๆ ของ
มัลติมิเตอร์ ยี่ห้อ ซันวา รุ่น yx-360TR แต่ละสเกลใช้แสดงปริมาณไฟฟ้าแต่ละชนิด
ถูกกำกับไว้ด้วยหมายเลแต่ละส่วนอธิบายรายละเอียดได้ดังนี้
หมายเลข
1 คือ
สเกลใช้แสดงค่าความต้านทาน
ใช้สำหรับอ่านค่าความต้านทาน เมื่อตั้งย่านวัดความต้านทานหรือย่าน W
หมายเลข
2 คือ สเกลใช้แสดงค่าแรงดันไฟฟ้ากระแสตรง
(DCV)
และกระแสไฟตรง (DCA) ใช้สำหรับอ่านค่าแรงดันไฟฟ้ากระแสตรง
เมื่อตั้งย่านวัดแรงดันไฟฟ้ากระแสตรงหรือย่าน DCV และใช้สำหรับอ่านค่ากระแสไฟตรง
เมื่อตั้งย่านวัดกระแสไฟตรงหรือย่าน DCmA
หมายเลข
3 คือ
สเกลใช้แสดงค่าแรงดันไฟฟ้ากระแสสลับ (ACV) ใช้สำหรับอ่านค่าแรงดันไฟฟ้ากระแสสลับหรือย่าน
ACV
หมายเลข
4 คือ
สเกลใช้แสดงค่าอัตราขยายกระแสไฟตรงของตัวทรานซิสเตอร์ (hFE)ใช้สำหรับอ่านค่าอัตราขยายกระแสไฟตรงของตัวทรานซิสเตอร์ตั้งย่านวัดโอห์ม ที่ตำแหน่ง R X 10 (hFE)
หมายเลข
5 คือ
สเกลใช้แสดงค่ากระแสรั่วไหล (Leakage Current) ของตัวทรานซิสเตอร์
(IDEO) ใช้สำหรับอ่านค่ากระแสรั่วไหลระหว่างขาคอลเลคเตอร์ (C)
และขาอิมิเตอร์ (E) ของ
ตัวทรานซิสเตอร์เมื่อขาเบส (B) เปิดลอยเมื่อตั้งย่านวัดโอห์ม ที่ X 1 (150 mA),
X 10 (15 mA) และ X 1 k (150 mA) และยังใช้แสดงค่ากระแสภาระ (Load
Current) ในการวัดไดโอด (LI) ใช้สำหรับอ่านกระแสภาระที่วัดไดโอดด้วยย่านวัดโอห์มเป็นทั้งการวัดกระแสไบ
แอสตามและ กระแสไบแอสย้อน
หมายเลข
6
คือสเกลใช้แสดงค่าแรงดันภาระ (Load Voltage) ในการวัดไดโอด (LV) ใช้สำหรับอ่านแรงดันภาระที่วัดไดโอดด้วยย่านวัดโอห์ม
เป็นทั้งการวัดกระแสไบแอสตามและกระแสไบแอสย้อนเช่นเดียวกับการวัด LI
หมายเลข
7 คือ
สเกลใช้แสดงค่าความดังของสัญญาณเสียงบอกค่าออกมาเป็นเดซิเบล (dB)
ใช้สำหรับอ่านค่าความดังของสัญญาณเสียง เมื่อตั้งย่านวัดที่แรงดันไฟฟ้ากระแสสลับหรือ ย่าน ACV
หมายเลข
8
คือกระจกเงาเพื่อทำให้การอ่านค่าบนสเกลที่แสดงด้วยเข็มชี้ของมิเตอร์ถูกต้อง
ที่สุด การอ่านค่าที่ถูกต้องคือตำแหน่งที่เข็มชี้ของมิเตอร์จริงกับตำแหน่งเข็มชี้
ของมิเตอร์ในกระจกเงาซ้อนกันพอดี
ข้อควรระวังในการใช้มัลติมิเตอร์
มัลติมิเตอร์เป็นมิเตอร์ที่มีส่วนประกอบของอุปกรณ์หลายชนิด
แต่ละชนิดมีขนาดเล็กและบอบบาง
ยิ่งในส่วนเคลื่อนไหวประกอบร่วมเป็นเข็มชี้มิเตอร์ยิ่งต้องระมัดระวังอย่างมาก
ตลอดจนการนำไปใช้งานก็ต้องระวังในเรื่องปริมาณไฟฟ้าที่ทำการวัด และอีกหลายสิ่งหลายอย่างสามารถกล่าวโดยสรุปเป็นข้อ
ๆ ได้ดังนี้
1 ส่วนเคลื่อนไหวของมัลติมิเตอร์
ประกอบด้วยขดลวดเส้นเล็กมาก ๆ และมีส่วนของเดือยและรองเดือยขนาดเล็กเช่นกัน
มีความบอบบาง มีโอกาสชำรุดเสียหายได้ง่าย หากได้รับกระแสไหลผ่านมากเกินไป
หรือหากได้รับการกระทบกระเทือนแรง ๆ ที่เกิดจากการตกหล่นเกิดจากการถูกกระแทกแรง ๆ
ตลอดจนการตั้งย่านวัดปริมาณไฟฟ้าผิดพลาด
2 การวัดปริมาณไฟฟ้าต่าง
ๆ ที่ไม่ทราบค่า ครั้งแรกควรตั้งย่านวัดในย่านสูงสุดไว้ก่อน
เมื่อวัดค่าแล้วจึงค่อย ๆ ลดย่านวัดต่ำลงมาให้ถูกต้องกับปริมาณไฟฟ้าที่ทำการวัดค่า
และต้องต่อขั้ววัดบวก (+) ลบ (-) ให้ถูกต้อง
3 การตั้งย่านวัดปริมาณไฟฟ้าชนิดหนึ่ง
แต่นำไปใช้วัดปริมาณไฟฟ้าอีกชนิดหนึ่ง
จะมีผลต่อการทำให้มัลติมิเตอร์ชำรุดเสียหายได้ เช่น ตั้งย่านวัดกระแสไฟฟ้า
แต่นำไปวัดแรงดันไฟฟ้า เป็นต้น
4 ห้ามวัดค่าความต้านทานด้วยย่านวัดโอห์มมิเตอร์ของมัลติมิเตอร์
ในวงจรที่กำลังไฟฟ้าจ่ายอยู่
เพราะจะทำให้ย่านวัดโอห์มของมัลติมิเตอร์ชำรุดเสียหายได้ต้องตัดไฟจากวงจรก่อน
และปลดขาตัวต้านทานหรือขาอุปกรณ์ตัวที่ต้องการวัดออกจากวงจรเสียก่อน
5 ขณะพักการใช้มัลติมิเตอร์ทุกครั้งควรปรับสวิตช์เลือกย่านวัดไฟที่ย่าน
1,000 VDC เสมอ
เพราะเป็นย่านวัดที่มีค่าความต้านทานภายในมัลติมิเตอร์สูงสุด
เป็นการป้องกันความผิดพลาดในการใช้งานครั้งต่อไป
เมื่อลืมตั้งย่านวัดที่ต้องการ ในมัลติมิเตอร์บางรุ่นอาจมีตำแหน่ง OFF บนสวิตซ์เลือกย่านวัด ให้ปรับสวิตช์เลือกย่านวัดไปที่ตำแหน่ง DFF เสมอ เพราะเป็นการตัดวงจรมิเตอร์ออกจากขั้วต่อวัด
ถ้าต้องการหยุดการใช้งานมัลติมิเตอร์เป็นเวลานาน
ๆ หรืองดใช้งานมัลติมิเตอร์
ควรปลดแบตเตอรี่ที่ใส่ไว้ในมัลติมิเตอร์ออกมาจากมัลติมิเตอร์ให้หมด
เพื่อป้องกันการเสื่อม ของแบตเตอรี่ และการเกิดสารเคมีไหลออกมาจากแบตเตอรี่
อาจกัดกร่อนอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในมัลติมิเตอร์จนชำรุดเสียหายได้
ในการเก็บมัลติมิเตอร์ไม่ควรเก็บไว้ในบริเวณที่มีอุณหภูมิสูง หรือมีความชื้นสูง
ตำแหน่งของแบตเตอรี่ในมัลติมิเตอร์ แสดงดังรูปที่ 3.7
ภาพที่ 3.7 ตำแหน่งแบตเตอรี่
และฟิวส์ในมัลติมิเตอร์
6 ในกรณีการตั้งย่านวัดผิดพลาด จนทำให้มัลติมิเตอร์วัดค่าปริมาณไฟฟ้าอื่น ๆ
ไม่ขึ้น ให้ตรวจสอบฟิวส์ที่อยู่ภายในมัลติมิเตอร์ เป็นตัวป้องกันไฟเกินขาดหรือไม่
หากฟิวส์ขาดให้ใช้ฟิวส์สำรองที่มีอยู่ใส่แทน และทดลองใช้มัลติมิเตอร์อีกครั้ง ตำแหน่งฟิวส์และฟิวส์สำรองแสดงดังภาพที่
3.7
ขั้นตอนการใช้โวลต์มิเตอร์ ยี่ห้อ SANWA รุ่น YX 360-TR วัดแรงดันไฟฟ้ากระแสตรง
DC.-Voltmeterเป็นเครื่องมือวัดแรงดันไฟฟ้ากระแสตรง
ค่าที่วัดได้เป็นค่าเฉลี่ย(VRMS) การวัดแรงดันไฟกระแสตรง
ตั้งสวิตช์เลือกย่านวัดไปที่ DCV มัลติมิเตอร์ SANWA
รุ่น
YX-360TR มีทั้งหมด 7
ย่านวัดเต็มสเกลคือย่าน 0.1V, 0.5V, 2.5V, 10V, 50V, 250V และ
1,000V แสดงดังภาพที่ 3.8 การอ่านค่าแรงดันผ่านที่สเกล DCV, A หมายเลข 2 ของรูปที่ 3.6
ขั้นตอนการวัดค่าปฏิบัติดังนี้
1 สายวัดสีแดงเสียบเข้าที่ขั้วต่อขั้วบวก
(+) สายวัดสีดำเสียบเข้าที่ขั้วต่อขั้วลบ ของมิเตอร์
การวัดค่าใช้สายวัดทั้งสองเส้นไปวัดค่าแรงดัน
2 ปรับสวิตช์เลือกย่านวัดไปย่านที่เหมาะสม คือ
ให้ย่านวัดสูงกว่าและใกล้เคียงค่าแรงดันที่บอกไว้มากที่สุด ถ้าไม่ทราบให้ตั้งย่านวัดที่ย่านสูงสุดไว้ก่อนที่
1,000 DCV วัดแรงดันไฟฟ้ากระแสตรง
ดังแสดงในภาพที่ 3.8
ภาพที่ 3.8 ตั้งย่านวัด
DCV
การวัดแรงดันไฟฟ้ากระแสตรง ต้องนำมิเตอร์ไปต่อขนานกับวงจร
และขณะวัดต้องคำนึงถึงขั้วของมิเตอร์ให้ตรงกับขั้วของแรงดันที่จะวัดโดยยึดหลักดังนี้
ใกล้บวกแหล่งจ่ายแรงดัน ต่อวัดด้วยขั้วบวกของมิเตอร์ใกล้ลบแหล่งจ่ายแรงดัน
ต่อวัดด้วยขั้วลบของมิเตอร์
การต่อมัลติมิเตอร์วัดแรงดันไฟฟ้ากระแสตรง แสดงดังภาพที่ 3.9
ภาพที่ 3.9 การต่อมัลติมิเตอร์วัดแรงดันไฟกระแสตรง
1.ก่อนต่อมัลติมิเตอร์วัดแรงดันไฟฟ้ากระแสตรงค่าสูง
ๆ ควรตัดกระแสไฟฟ้าในวงจรก่อน เมื่อต่อ DCV
โวลท์มิเตอร์กับจุดที่ต้องการวัดแรงดันเรียบร้อยแล้วจึงต่อกระแสเข้าวงจร
2.อย่าจับสายวัดหรือ ตัวมัลติมิเตอร์
ขณะวัดแรงดันไฟฟ้ากระแสตรงค่าสูง
เมื่อวัดเสร็จเรียบร้อยแล้วควรตัดกระแสไฟฟ้าก่อนจึงจับสายวัดได้
3.การอ่านค่า การใช้สเกล และการตั้งย่านวัด
แสดงได้ ดังภาพที่ 3.10
ภาพที่ 3.10 ตัวอย่างการอ่านค่า
การใช้สเกล และการตั้งย่านวัดแรงดันไฟกระแสตรง
1. ที่ ปรับ การชี้ศูนย์ (indicator zero corrector): ใช้ สำหรับ การปรับ ให้ เข็ม ชี้ศูนย์ ขณะ ยัง ไม่ได้ ใช้ ทำ การวัด 2. สวิตช์เลือก ปริมาณ ที่ จะ วัด และ ระดับ ขนาด (range selector switch knob) : เป็นสวิตช์ที่ ผู้ใช้ จะ ต้อง บิด เลือก ว่า จะ ใช้เครื่องวัด ปริมาณ ใด ซึ่ง มี ทั้ง หมด 4 ปริมาณ แต่ละปริมาณ มี ช่วงการวัด ให้ เลือก ดังนี้ ACV : 0-10V, 0-50 V, 0-250 V และ 0-1000 V (รวม 4 ช่วงการวัด) DCV : 0-0.1 V, 0-0.5 V, 0-2.5 V, 0-10 V, 0-50 V, 0-250 V และ 0-1000 V (รวม 7 ช่วงการวัด) DCA :0-50
A,0-2.5 mA,0-25mA,และ0-0.25 A (รวม 4 ช่วงการวัด)
3. ช่องเสียบ สายวัด ขั้วบวก (measuring terminal +) 4. ช่องเสียบ สายวัด ขั้วลบ (measuring terminal -COM) 5. ช่องเสียบ สายวัด ขั้วบวก กรณี วัด กำลังออก ของ สัญญาณ ความถี่เสียง (output terminal) 6. ปุ่ม ปรับแก้ศูนย์ โอห์ม (0
adjust knob) : ใช้ เพื่อ ปรับ ให้ เข็มชี้ศูนย์ โอห์ม เมื่อ นำ ปลาย วัด ทั้ง คู่ มา แตะ กัน ก่อน ทำการวัด ค่า ความต้านทาน ใน แต่ ละ ช่วงการวัด 7. แผงหน้าปัด (panel) 8. เข็มชี้ (indicator pointer) 9. สายวัด (test lead) : ประกอบ ด้วย สาย 2 เส้น สีแดง สำหรับ ขั้วบวก และ สีดำ สำหรับ ขั้วลบ 10. สเกล การวัด (reading scales) : ประกอบ ด้วย 7 สเกล การวัดเรียง ลำดับ จาก บน สุด ลง ล่าง ดังนี้ (ดู จากเครื่องวัด ประกอบ ด้วย)
ใน ช่อง ที่ 3 ใน แนวตั้ง จะ บอก ถึง ความแม่น ของ แต่ ละสเกล การวัด เช่น สเกล DCV มี ความแม่น
3% fs (fs ย่อมาจาก full scale) หมายถึง ขณะ หมุน ปุ่ม เลือก ไป ที่ 0-10V ถ้า เข็ม ชี้ เต็มสเกล คือ ชี้ ที่ 10 V ค่า ที่ อ่าน ได้ จะ เป็น 10 V
3% ซึ่ง มี ค่า เท่ากับ 10
0.3V ดังนั้น เรา จึง สามารถ ประมาณ ได้ ว่า ค่า ที่ อ่าน ได้ จาก ช่วงสเกล 0-10V นี้ จะ มี ความแม่น อยู่ ใน ขอบเขต
0.3V สำหรับ ความเที่ยง (precision) พิจารณา ได้ จาก การ แบ่ง ขีดสเกล เล็ก ที่ สุด จะ เห็น ว่า สำหรับสเกล DCV ช่องสเกล เล็ก สุด เท่ากับ 2 mV ดังนั้น เรา จะ ประมาณ ค่า ระหว่าง ช่องเล็กสุด ได้ อีก หนึ่ง ตำแหน่ง ทศนิยม นั่น คือ ความเที่ยง จะ เป็น
0.1 mV สำหรับ DCV ส่วนสเกล ACV ช่องสเกล เล็ก ที่ สุด เท่ากับ 200 mV ดังนั้น เรา จะ ประมาณ ค่า ระหว่าง ช่องเล็ก สุด ได้ อีก ตำแหน่ง หนึ่ง ของ หลักนั่น คือ ความเที่ยง จะ เป็น
10 mV สำหรับ ACV ใน กรณี ที่ เรา สามารถ ทราบ ค่า ทั้ง ความเที่ยง และ ความแม่น ของ ค่า ที่ วัด ได้ ควร ใช้ เฉพาะ ค่า ความแม่น เท่านั้น เพราะ จะ แสดง ถึง ขอบเขต ความผิดพลาด เมื่อ เทียบกับปริมาณ มาตรฐาน
1 สายวัดสีแดงเสียบเข้าที่ขั้วต่อขั้วบวก (+)
สายวัดสีดำเสียบเข้าที่ขั้วต่อขั้วลบของมิเตอร์
การวัดค่าใช้สายวัดทั้งสองเส้นไปวัดค่าแรงดัน
แต่ขณะวัดค่าแรงดันไม่ต้องคำนึงถึงขั้วบวก ขั้วลบ เหมือนแรงดันไฟฟ้ากระแสตรง
เพราะแรงดันไฟกระแสสลับไม่มีขั้วตายตัวขั้วแรงดันสลับไปสลับมาตลอดเวลา
2 ปรับสวิตช์เลือกย่านวัดไปย่านที่เหมาะสม
คือให้ย่านวัดสูงกว่าและใกล้เคียงค่าแรงดันที่บอกไว้มากที่สุดหากไม่ทราบ
ให้ตั้งย่านวัดที่ย่านสูงสุดไว้ก่อน หากไม่ทราบค่าแรงดันไฟฟ้ากระแสสลับ
ให้ตั้งย่านวัดที่ย่านสูงสุดไว้ก่อนคือที่ 1,000V
ภาพที่ 3.11 ตั้งย่านวัด ACV
3 การวัดแรงดันไฟกระแสสลับ
ต้องนำมิเตอร์ไปต่อขนานกับวงจรโดยไม่ต้องคำนึงถึง ขั้ววัด การต่อมัลติมิเตอร์วัดแรงดันไฟกระสลับ
แสดง ดังภาพที่ 3.12
ภาพที่ 3.12 การต่อมัลติมิเตอร์วัดแรงดันไฟฟ้ากระแสสลับ
ย่านตั้งวัด
|
สเกลใช้อ่าน
|
การอ่านค่า
|
ค่าที่วัดได้ (VDC)
|
0.1V
0.5V
2.5V
10V
50V
250V
1,000V
|
0-10
0-50
0-250
0-10
0-50
0-250
0-10
|
ใช้
0.01 คูณค่าที่อ่าน
ใช้ 0.01 คูณค่าที่อ่าน
ใช้ 0.01 คูณค่าที่อ่าน
อ่านโดยตรง
อ่านโดยตรง
อ่านโดยตรง
ใช้ 100 คูณค่าที่อ่าน
|
0.086V
0.32V
2.15V
8.6V
43V
215V
860V
|
ภาพที่ 3.13 ตัวอย่างการอ่านค่า การใช้สเกล
และการตั้งย่านวัดแรงดันไฟกระแสสลับ
การใช้มิลลิแอมมิเตอร์
DC-Milliammeter เป็นเครื่องมือวัดกระแสไฟฟ้ากระแสตรง
การวัดกระแสไฟตรง ตั้งสวิตช์เลือกย่านไปที่ DCmA มัลติมิเตอร์ยี่ห้อ
SANWAรุ่น YX-360TR มีทั้งหมด4 ย่านวัด เต็มสเกลคือย่าน 50
mA (0.1VDC), 2.5mA, 25mA และ 0.25A(250mA) แสดงดังภาพที่
3.14
การอ่านค่ากระแสไฟตรงอ่านที่สเกล DCV, A หมายเลข 2 ของรูปที่ 3.6 ขั้นตอนการวัดค่าปฏิบัติดังนี้
1
เสียบสายวัดสีแดงเสียบเข้าที่ขั้วต่อขั้วบวก (+)
สายวัดสีดำเสียบเข้าที่ขั้วต่อขั้วลบ
(-COM) ของมิเตอร์
การวัดค่าใช้สายวัดทั้งสองเส้นไปวัดค่ากระแส
2 ปรับสวิตช์เลือกย่านวัดไปย่านที่เหมาะสม หากไม่ทราบค่ากระแสไฟตรงให้ตั้ง
ย่านวัดที่ย่านสูงสุดไว้ก่อนที่ 0.25A
ภาพที่ 3.14 ย่านวัดกระแสไฟตรง
(DCmA)
การวัดกระแสไฟตรง
ต้องนำมิเตอร์ไปต่ออันดับกับวงจร และขณะวัดต้องคำนึงถึง
ขั้วของมิเตอร์ให้ตรงกับขั้วของแรงดันแหล่งจ่ายในวงจร โดยยึดหลักดังนี้
ใกล้บวกแหล่งจ่าย แรงดัน ต่อวัดด้วยขั้วบวกของมิเตอร์ใกล้ลบแหล่งจ่ายแรงดัน
ต่อวัดด้วยขั้วลบของมิเตอร์ การต่อ มัลติมิเตอร์วัดไฟฟ้ากระแสตรง แสดงดังรูปที่ 3.15
ภาพที่ 3.15 การต่อมัลติมิเตอร์วัดกระแสไฟฟ้าตรงโดยตัดวงจรแล้วต่อผ่านมิลลิแอมมิเตอร์
ย่านวัดกระแสไฟตรง
50 mA เป็นย่านเดียวกับย่านวัดแรงดันไฟกระแสตรง
0.1V
ในย่านนี้ทำหน้าที่เป็นทั้งมิเตอร์วัดแรงดันไฟกระแสตรงเต็มสเกล
0.1V และทำหน้าที่เป็นมิเตอร์วัดกระแสไฟตรงเต็มสเกล
50 mA
การอ่านค่า
การใช้สเกล และการตั้งย่านวัด แสดงดังภาพที่ 3.16
ย่านตั้งวัด
|
สเกล
|
การอ่านค่า
|
ค่าที่วัดได้
|
50 mA
2.5 mA
25mA
0.25A(250mA)
|
0-50
0-250
0-250
0-250
|
อ่านโดยตรงในหน่วย
mA
ใช้ 0.01 คูณค่าที่อ่านได้ในหน่วย mA
ใช้ 0.1 คูณค่าที่อ่านได้ในหน่วย mA
อ่านโดยตรงในหน่วย mA
|
29 mA
1.45 mA
14.5 mA
145 mA
|
ภาพที่
3.16 การอ่านค่า การใช้สเกล
และการตั้งย่านวัดกระแสไฟตรง
การใช้โอห์มมิเตอร์
โอห์มมิเตอร์เป็นเครื่องมือวัดค่าความต้านทานของตัวต้านทาน มีหน่วยวัดเป็นโอห์ม การวัดความต้านทาน ตั้งสวิตช์เลือกย่านไปที่ W มัลติมิเตอร์ยี่ห้อSANWAรุ่น YX-360TR มีทั้งหมด 4 ย่านวัดคือย่าน X 1, X 10, X 1k และ X 10 k แสดงดังภาพที่ 3.17 การอ่านความต้านทานอ่านที่สเกล W หมายเลข 1 ของภาพที่ 3.6 ขั้นตอนการวัดค่าปฏิบัติดังนี้
โอห์มมิเตอร์เป็นเครื่องมือวัดค่าความต้านทานของตัวต้านทาน มีหน่วยวัดเป็นโอห์ม การวัดความต้านทาน ตั้งสวิตช์เลือกย่านไปที่ W มัลติมิเตอร์ยี่ห้อSANWAรุ่น YX-360TR มีทั้งหมด 4 ย่านวัดคือย่าน X 1, X 10, X 1k และ X 10 k แสดงดังภาพที่ 3.17 การอ่านความต้านทานอ่านที่สเกล W หมายเลข 1 ของภาพที่ 3.6 ขั้นตอนการวัดค่าปฏิบัติดังนี้
โครงสร้างเบื้องต้นของโอห์มมิเตอร์ในมัลติมิเตอร์
ประกอบด้วยแบตเตอรี่
(ถ่านไฟฉาย) 2 ชุด คือ ชุดแบตเตอรี่ 3 V (1.5 X 2) ใช้กับย่านวัด W ย่าน X 1, X 10 และ X 1k ส่วนชุดแบตเตอรี่ 9 V ถูกต่ออันดับร่วมกับชุดแบตเตอรี่ 3 V เพื่อใช้งานในย่านวัด W ย่าน X 10k แบตเตอรี่ทั้ง 2 ชุด ต่ออันดับร่วมกับตัวต้านทานปรับค่าได้ 0W ADJ และต่ออันดับร่วมกับชุดขดลวดเคลื่อนที่และเข็มชี้ของมิเตอร์โครงสร้างเบื้องต้นของโอห์มมิเตอร์ในมัลติมิเตอร์ แสดงดังภาพที่ 3.17 และภาพที่ 3.18
(ถ่านไฟฉาย) 2 ชุด คือ ชุดแบตเตอรี่ 3 V (1.5 X 2) ใช้กับย่านวัด W ย่าน X 1, X 10 และ X 1k ส่วนชุดแบตเตอรี่ 9 V ถูกต่ออันดับร่วมกับชุดแบตเตอรี่ 3 V เพื่อใช้งานในย่านวัด W ย่าน X 10k แบตเตอรี่ทั้ง 2 ชุด ต่ออันดับร่วมกับตัวต้านทานปรับค่าได้ 0W ADJ และต่ออันดับร่วมกับชุดขดลวดเคลื่อนที่และเข็มชี้ของมิเตอร์โครงสร้างเบื้องต้นของโอห์มมิเตอร์ในมัลติมิเตอร์ แสดงดังภาพที่ 3.17 และภาพที่ 3.18
ภาพที่ 3.17 ย่านวัดความต้านทาน
ภาพที่ 3.18 วงจรโอห์มมิเตอร์
มัลติมิเตอร์ยี่ห้อ SANWA รุ่น YX-360 TR
มัลติมิเตอร์แบบเข็ม
(analog multimeter, AMM)
เป็นเครื่องมือวัดปริมาณทางไฟฟ้าหลายประเภทรวมอยู่ในเครื่องเดียวกัน
โดยทั่วไปแล้วมัลติมิเตอร์จะสามารถใช้วัดปริมาณต่อไปนี้
- ความต่างศักย์กระแสตรง (DC
voltage)
- ความต่างศักย์กระแสสลับ (AC
voltage)
- ปริมาณกระแสตรง (DC
current)
- ความต้านทานไฟฟ้า (electrical
resistance)
อย่างไรก็ตามมัลติมิเตอร์บางแบบสามารถใช้วัดปริมาณอื่น
ๆ ได้อีก เช่น กำลังออกของสัญญาณความถี่เสียง (AF output) การขยายกระแสตรงของทรานซิสเตอร์ (DC
current amplification, hFE) กระแสรั่วของทรานซิสเตอร์ (leakage
current, lCEO) ความจุทางไฟฟ้า (capacitance) ฯลฯ
มัลติมิเตอร์แบบเข็ม มีลักษณะดังภาพข้างล่าง
มัลติมิเตอร์แบบเข็ม
ส่วนประกอบสำคัญของมัลติมิเตอร์แบบเข็ม
ส่วน ประกอบ สำคัญ ของมัลติมิเตอร์ แบบเข็ม ข้างต้น (ซึ่ง แสดง หมายเลข กำกับ ไว้ แล้ว ยกเว้น หมายเลข 9 และ 10) ได้แก่

Resistance (![]() | x 1 | (อ่านได้ 0-2k![]() |
x 10 | (อ่านได้ 0-20k![]() | |
x 1k | (อ่านได้ 0-2000k หรือ 2 M![]() | |
x 10k | (อ่านได้ 0-20 M![]() |

สเกลการวัด
1. สเกลวัดความต้านทาน (
) ด้านล่างของสเกลนี้มีกระจกเงาเพื่อช่วยแก้ความคลาดเคลื่อนในการอ่านเนื่องจากแพรัลแลกซ์

2. สเกลวัดความต่างศักย์กระแสตรง
(DCV) และปริมาณกระแสตรง (DCA) มีสีดำ
3. สเกลวัดความต่างศักย์กระแสสลับ
(ACV) มีสีแดง
4. สเกลวัดการขยายกระแสตรงของทรานซิสเตอร์
(hFE) มีสีน้ำเงิน
5. สเกลวัดกระแสรั่วของทรานซิสเตอร์
(LEAK, ICEO, Ll) มีสีน้ำเงิน
6. สเกลวัดความต่างศักย์ระหว่างปลายขณะวัดความต้านทาน
(LV) มีสีน้ำเงิน
7. สเกลวัดกำลังออกของสัญญาณความถี่เสียง (dB)
มีสีแดง
ความไว (sensitivity) ของเครื่องวัดนี้ระบุไว้ที่ตอนล่างด้านซ้ายของสเกลการวัด
เพื่อบ่งให้ทราบค่ากระแสที่ผ่านเครื่องวัดสำหรับการอ่านค่าสเกลการวัดหนึ่ง ๆ
โดยบอกในรูปโอห์มต่อโวลต์ (ohm per volt) โดยทั่วไปแล้ว
เครื่องวัดที่มีความไวสูง จะมีค่าโอห์มต่อโวลต์สูง
DC 20 k
/V หมายความว่า
ขณะใช้การที่วัดที่สเกล DCV เมื่ออ่านค่าได้ 1 VDC ความต้านทานภายในเครื่องวัดจะเป็น 20 k
ดังนั้นกระแสที่ผ่านเครื่องวัดขณะนี้จะเป็น


AC 8 k
/V หมายความว่า
ขณะใช้การวัดที่สเกล ACV เมื่ออ่านค่าการวัดได้ 1 VAC ความต้านทานภายในเครื่องวัดจะเป็น 8 k
ดังนั้นกระแสที่ผ่านเครื่องวัดขณะนี้จะเป็น


การอ่านผลการวัดจากสเกลเครื่องวัด
ก่อนทำการอ่านผลการวัดจะต้องทราบก่อนว่า
ค่าที่อ่านได้จากสเกลเครื่องวัดนี้ มีความเชื่อถือได้มากน้อยเท่าใด
นั่นคือต้องทราบความแม่น (accuracy) ของเครื่องวัดด้วย
ซึ่งปกติจะมีระบุไว้ในคู่มือของเครื่องวัดนั้นๆ
สำหรับเครื่องวัดที่จะได้ศึกษามีรายละเอียดดังตารางข้างล่าง






การเตรียมก่อนทำการวัด
|
การปรับแก้การชี้ศูนย์ของเข็มชี้
ให้ดำเนินการดังนี้
- วางเครื่องวัดบนพื้นโต๊ะให้อยู่ในแนวราบ
(เพื่อให้แกนการหมุนของเข็มชี้อยู่ในแนวดิ่ง)
- ยังไม่ต้องต่อสายเสียบใดๆ
กับเครื่องวัด
- ก้มดูที่เข็มชี้ว่าอยู่ในแนวทับกับขีดศูนย์
(ทางด้านซ้ายสุดของสเกล DCV,A) หรือไม่
ให้สังเกตภาพเสมือนของเข็มชี้ในกระจกเงาเหนือสเกล DCV,A ด้วยว่า
เข็มชี้ซ้อนทับบนภาพเสมือนของเข็มชี้หรือไม่
- ถ้าเข็มชี้ตรงขีดศูนย์พอดี
เครื่องวัดพร้อมที่จะใช้งานได้
- แต่ถ้าเข็มชี้ไม่ตรงขีดศูนย์
จะต้องใช้ไขควงปลายแบนหมุนปรับที่ปรับการชี้ศูนย์
ข้อควรระวังในการวัด
|
1. เมื่อการวัดเกี่ยวข้องกับความต่างศักย์สูง
(ตั้งแต่ 50 V ขึ้นไป)
อย่าให้นิ้วมือหรือส่วนใดของร่างกายสัมผัสส่วนที่เป็นโลหะของปลายวัด
เพราะอาจเป็นอันตรายได้
2. ก่อนวัดปริมาณใด ต้องแน่ใจว่า ได้หมุนสวิตช์เลือกปริมาณที่จะวัดตรงตามปริมาณที่จะวัดแล้ว
มิฉะนั้นแล้วเครื่องวัดอาจชำรุดเสียหาย
3. ต้องแน่ใจว่าหมุนสวิตช์เลือกช่วงการวัดให้อยู่ในช่วงที่สูงมากกว่าปริมาณที่จะวัด เช่น
จะวัดความต่างศักย์ระหว่างขั้วแบตเตอรี่ 12V ก็ต้องตั้งปุ่มเลือกช่วงการวัดไว้ที่
DCV ช่วง 0-50V ถ้าไม่ทราบขนาดโดยประมาณของปริมาณที่จะวัด
ให้ตั้งเลือกช่วงการวัดให้สูงที่สุดก่อน (เช่น ตั้งที่ 0-1000V) แล้วค่อยลดระดับช่วงการวัดต่ำลงมาทีละช่วง
4. ถ้าในการวัด DCV หรือ DCA เข็มชี้ไม่เบนไปทางขวาแต่พยายามเบนมาทางซ้าย
แสดงว่ากระแสผ่านเครื่องวัดในทิศทางไม่ถูกต้อง ให้สลับขั้วปลายวัด
5. ถ้าเข็มชี้ไม่ขยับจากการชี้ศูนย์หรือเบนออกมาเพียงเล็กน้อย
แสดงว่ากระแสผ่านเครื่องวัดน้อยเกินไป ให้ปรับลดช่วงการวัดต่ำลงกว่าเดิมทีละขั้น
จนกระทั่งเข็มชี้อยู่ประมาณกลางสเกล
มัลติมิเตอร์แบบตัวเลข (Digital Multimeter, DMM)
สามารถวัดปริมาณทางไฟฟ้าได้หลายประเภท
เช่นเดียวกับมัลติมิเตอร์แบบเข็ม นอกจากนี้ยังสามารถวัดปริมาณกระแสสลับ
วัดการขยายกระแสตรงของทรานซิสเตอร์ วัดความจุไฟฟ้าและตรวจสอบไดโอดได้อีกด้วยมัลติมิเตอร์แบบตัวเลข มีลักษณะดังภาพข้างล่าง
จาก
มัลติมิเตอร์แบบตัวเลข
1. จอแสดงผล (display)
2. สวิตซ์เปิด-ปิด (ON-OFF)
3. สวิตช์เลือก ปริมาณ ที่ จะ วัด และ ช่วงการวัด (range selector switch) สามารถ เลือก การวัด ได้ 8 อย่าง ดังนี้
1. DCV สำหรับ
2. ACV สำหรับ 3. DCA สำหรับ 4. ACA สำหรับ 5. ![]() 6. CX สำหรับ 7. hFE สำหรับ 8. ![]() |
4. ช่องเสียบ สายวัดร่วม :(COM) ใช้ เป็น ช่องเสียบ ร่วม สำหรับ การวัด ทั้งหมด (ยกเว้น การ วัด CX และ hFE ไม่ ต้อง ใช้ สายวัด)
5. ช่องเสียบ สายวัด mA สำหรับ วัด DCA และ ACA ที่ มี ขนาด 0-200 mA
6. ช่องเสียบ สายวัด 10A สำหรับ วัด DCA และ ACA ที่ มี ขนาด 200 mA-10A
7. ช่องเสียบ สำหรับ วัด การขยาย กระแสตรง ของ ทรานซิสเตอร์
8. ช่องเสียง สำหรับ วัด ความจุ ไฟฟ้า
9. ช่องเสียบ สายวัด V

นอก จาก นี้ บน แผง หน้า ของมัลติมิเตอร์ แบบ ตัวเลข ยัง มี สัญลักษณ์ เพื่อ ความปลอดภัย (safety symbols) กำกับ ไว้ ซึ่ง เป็น สัญลักษณ์ สากล สำหรับ เตือน ผู้ใช้ ให้ มี ความระมัดระวัง ใน การ ใช้เครื่องมือ เพื่อ ความปลอดภัย แก่ ผู้ใช้ เอง และ ให้เครื่องมือ อยู่ ใน สภาพ ที่ พร้อม จะ ใช้ งาน ได้ เสมอ สัญลักษณ์ ที่ กล่าว นี้ ได้แก่
หมายถึง ให้ ดู คำ อธิบาย ใน คู่มือ
หมายถึง ความต่างศักย์ไฟฟ้า สูง

ลักษณะเฉพาะบางประการของเครื่องวัด
1. จอแสดงผล (display) แสดง ด้วย ตัวเลข
หลัก (
digit) เนื่อง จาก ค่า สูง สุด ที่ สามารถ แสดง ได้ คือ 1999 ตัวเลข หลักที่ 1, 2และ 3 (นับ จาก ขวา สุด ไป ทางซ้าย) แปรค่า ได้ จาก 0 ถึง 9 (เรียก ว่า full digit) ส่วน ตัวเลข หลัก ที่ 4 จะ แสดง ตัวเลข ได้ เฉพาะ 1 เท่า นั้น (เรียก ว่า half digit)


2. สภาพขั้ว (polarity) ใน การวัด ปริมาณ ทางไฟฟ้า บาง ชนิด เช่น ความ ต่างศักย์ไฟฟ้า กระแสตรง ด้วยเครื่องวัด ที่ ใช้ เข็มชี้ เป็น ตัว แสดง ผล เมื่อ ต่อ สายวัด ผิด ขั้ว เข็ม ของเครื่องวัด จะ ตี กลับ ใน ทิศตรงข้าม ใน สภาวะ เช่น นี้ สำหรับมัลติมิเตอร์ แบบ ตัวเลข จะ ปรากฏเครื่องหมาย - บน จอแสดงผล
3. ใน การวัด ปริมาณ ใด ๆ ที่ ตั้ง ช่วง การวัด ต่ำ กว่า ค่า ที่ จะ วัด จอแสดงผล จะ แสดง ตัว เลข 1 หรือ -1 เช่น จะ วัด ความต้านทาน 10 k
แต่ ตั้ง ช่วงการวัด ไว้ ที่ 0-2 k
จะ ปรากฏ 1 แสดง ว่า ค่า ที่ จะ วัด สูง กว่า ช่วง การวัด ที่ ตั้ง ไว้


4. เมื่อ แหล่ง จ่าย กำลัง ให้เครื่องวัด คือ แบตเตอรี่ 9V อ่อน กำลัง LO BAT จะ ปรากฎ บน จอ เตือน ให้ ผู้ ใช้ เปลี่ยน แบตเตอรี่ ใหม่
ความแม่น
(accuracy) ของเครื่องวัด
ค่า ที่ อ่าน ได้ จากเครื่องวัด จะ มี ความ เชื่อ ถือ ได้ มาก น้อย เพียง ใด ขึ้น อยู่กับความ แม่น ของเครื่องวัด ซึ่ง จะ ระบุ ไว้ ใน คู่มือ การ ใช้เครื่องมือ นั้น ๆ การ บอก ความแม่น มี วิธี บอก ได้ หลาย แบบ มัลติมิเตอร์แบบเข็ม ซึ่ง เป็นเครื่องวัด ที่ ใช้ การเบี่ยงเบน ของ เข็มชี้ เป็น ตัว แสดงผล บอก ความแม่น เป็น %fs สำหรับมัลติมิเตอร์ แบบ ตัวเลข นิยม บอก ความแม่น เป็น
(% reading + number of digits of error) เขียน ย่อ เป็น
(%rdg + no. of dgt) ซึ่ง จะ มี ค่า เปลี่ยน ไป สำหรับ แต่ ละ ปริมาณ ที่ จะ วัด และ อาจ จะ เปลี่ยน ไป ได้ อีก เมื่อ เปลี่ยน ช่วงการวัด ดัง ตัวอย่าง ใน ตาราง


Electrical Specifications
![]() ![]() ![]() | |
![]() | |
RANGE
ACCURACYRESOLUTIONINPUT IMPEDANCEOVERLOAD PROTECTION |
400 mV,4V,40V,400V,1000V
ALL RANGE ![]() ![]() ![]() |
![]() | |
RANGE
ACCURACY |
400mV,4V,40V,400V, 750V.
400mV-400V @50-500HZ ![]() ![]() |
RESOLUTION
INPUT IMPEDANCEOVERLOAD PROTECTION |
100
![]() 20 M ![]() |
![]() | |
RANGE
ACCURACY |
40mA. 400mA. 10A
![]() ![]() |
RESOLUTION
VOLTAGE BURDENOVERLOAD PROTECTION |
10
![]() |
![]() | |
RANGE
ACCURACY |
40mA. 400mA, 10A.
10A RANGE @50-500HZ, ![]() ![]() |
RESOLUTION
VOLTAGE BURDENOVERLOAD PROTECTION |
10
![]() |
![]() | |
RANGE
|
400
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() 40M ![]() ![]() |
ACCURACY
|
400M
![]() ![]() 40M ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
RESOLUTION
OVERLOAD PROTECTIONTEST VOLTAGE |
100m
![]() ![]() 500VAC/DC A DC 500 VDC/AC400 ![]() ![]() |
![]() | |
RANGE
ACCURACYTEST FREQUENCYTEST VOLTAGERESOLUTION |
4nF, 40nF, 400nF, 4
![]() ![]() ALL RANGE ![]() |
จาก ตาราง จะ เห็น ว่า ถ้า เป็น การวัด DCV ความแม่น อยู่ ใน ขอบเขต
(0.5% rdg + 1dgt) ทุก ช่วง การวัด ถ้า เป็น การวัด DCAความแม่น อยู่ ใน ขอบเขต
(1.0% rdg+1 dgt) เฉพาะ ใน ช่วง การวัด 3 ช่วงแรก ส่วน ช่วงการวัด 0-10 A ความแม่น จะ อยู่ ใน ขอบเขต
(2.0%rdg+3dgt) เป็นต้น
ตัวอย่างการหาความแม่น
ใน การวัด ความต่างศักย์ ไฟฟ้า กระแสตรง ของ เซลล์ ไฟฟ้า ชนิด หนึ่ง (สมมติ ว่า ค่า ไม่ เกิน 1.7V) ต้อง บิดสวิตช์เลือก การวัด ไป ที่DCV และ เลือก ช่วงการวัด 0-2 V ช่วงการวัด นี้ มี ความแม่น
(0.5% rdg+1dgt) ซึ่ง หา ได้ ดังนี้ สมมติ ค่า ที่ อ่าน ได้ (reading) จาก จอแสดงผล = 1.604V
ดังนั้น 0.5% rdg = 0.5 x 10-2 x 1.604V = 0.008V
และ 1dgt = 0.001 V ได้ จาก การ พิจารณา ว่า ค่า ที่ อ่าน ได้ คือ 1.604V เกิด จาก การนับ 1604 ครั้ง ใน การนับ ทั้งหมด 1604 ครั้ง นี้ มี ความผิดพลาด ได้ 1 ครั้ง ดังนั้น 1dgt ใน ที่ นี้ คือ 1 ใน 1604 หรือ ประมาณ 0.001 V ใน 1.604V
ข้อควรระวังและการเตรียมสำหรับการวัด
1. ก่อน การวัด ปริมาณ ใด ต้องแน่ใจว่า
1) บิด สวิตซ์ เลือก การ วัด ตรงกับปริมาณ ที่ จะ วัด
2) สวิตซ์ เลือก การ วัด อยู่ ใน ช่วง การวัด ที่ เหมาะสม ไม่ ต่ำกว่าปริมาณ ที่ จะ วัดใน กรณี ที่ ไม่ ทราบ ปริมาณ ที่ จะ วัด มี ค่า อยู่ ใน ช่วง การวัด ใด ให้ ตั้ง ช่วงการวัด ที่ มี ค่าสูงสุด ก่อนแล้ว ค่อย ลด ช่วงการวัด ลง มา ที ละ ช่วง
2. เนื่องจาก ช่องเสียบ สายวัด (สีแดง) มี หลาย ช่อง คือ V-
, mA และ 10 A ต้อง แน่ใจว่า เสียบ สายวัด สีแดง ใน ช่องเสียบ ตรงกับปริมาณ ที่ จะ วัด
3. ใน กรณี ที่ วัด ความต่างศักย์ไฟฟ้าสูง ตั้ง แต่ 25 VAC หรือ 60 VDC ขึ้น ไป ระวัง อย่า ให้ ส่วน ใด ของ ร่างกาย แตะ วงจร ที่ กำลัง วัด จะ เป็น อันตราย ได้
4.เมื่อ ใช้ งาน เสร็จ แล้ว ให้ เลื่อน สวิตซ์ ปิด-เปิด มา ที่ OFF ถ้า ไม่ ได้ ใช้ เป็น เวลา นาน ควร เอา แบตเตอรี่ ออก ด้วยการวัด ปริมาณ กระแส สูง (~10A) ควร ใช้ เวลา วัด ใน ช่วงสั้น ไม่ เกิน 30 วินาที
5. ใน ขณะ ที่ กำลัง ทำ การวัด และ ต้องการ ปรับ ช่วงการวัด ให้ ต่ำ ลง หรือ สูง ขึ้น หรือ เลือก การวัด ปริมาณ อื่น ให้ ดำเนินการ ดังนี้
1) ยก สายวัด เส้น หนึ่ง ออก จาก วงจร ที่ กำลัง ทดสอบ
2) ปรับ ช่วงการวัด หรือ เลือก การวัด ปริมาณ อื่น ตาม ต้องการ
3) ทำ การวัด
บทสรุป
มัลติมิเตอร์
เป็นมิเตอร์ใช้วัดปริมาณไฟฟ้าได้หลายชนิด ถูกสร้างขึ้นมา เพื่อ อำนวยความสะดวกต่อผู้ใช้
โครงสร้างของมัลติมิเตอร์ประกอบด้วยส่วนประกอบของอุปกรณ์ หลายชนิด
แต่ละชนิดมีขนาดเล็กและบอบบาง ยิ่งในส่วนเคลื่อนไหวยิ่งต้องระมัดระวัง
เพราะชำรุดเสียหายได้ง่ายถ้าถูกกระทบกระเทือนตรง ๆ
ตลอดจนการนำไปใช้งานต้องมีความระมัดระวังเรื่องปริมาณไฟฟ้าที่จะวัด
ต้องไม่มากเกินกว่าย่านที่ตั้งวัด
ถ้าไม่ทราบค่าปริมาณไฟฟ้าที่จะวัดควรตั้งย่านวัดสูงสุดไว้ก่อน การวัดปริมาณไฟฟ้าที่เป็นพวกไฟกระแสตรง (DC) ไม่ว่าเป็นแรงดันไฟฟ้าหรือกระแสไฟฟ้า ขณะต่อมัลติมิเตอร์วัดวงจรไฟฟ้านั้น
ต้องคำนึงถึงขั้วของมัลติมิเตอร์
และขั้วแรงดันของแหล่งจ่ายในวงจรต้องเหมือนกันโดยยึดหลักการต่อวัดดังนี้
ใกล้บวกต่อบวก ใกล้ลบต่อลบจึงสามารถวัดค่าปริมาณไฟฟ้านั้น ๆ ได้
ส่วนปริมาณไฟฟ้าที่เป็นพวกไฟกระแสสลับ (AC) ไม่ว่าเป็นแรงดันไฟฟ้าหรือกระแสไฟฟ้าขณะต่อมัลติมิเตอร์วัดวงจรไฟฟ้านั้น
ๆ ไม่ต้องคำนึงถึงขั้วของมัลติมิเตอร์และขั้วแรงดันของแหล่งจ่ายในวงจร ความสำคัญอีกประการหนึ่งคือการตั้งย่านวัดค่าปริมาณไฟฟ้า
ต้องตั้งย่านวัดปริมาณไฟฟ้าให้ถูกต้องตามาชนิดของปริมาณไฟฟ้านั้น ๆ เพราะการตั้งย่านวัดผิดชนิดอาจมีผลทำให้มัลติมิเตอร์ชำรุดเสียหายได้
และการตั้งย่านวัดที่เหมาะสมเป็นสิ่งจำเป็นเช่นกันจะช่วยให้การอ่านค่าการวัดมีความถูกต้องมากขึ้นการวัดปริมาณไฟฟ้าบางชนิดต้องทำการปรับแต่งมิเตอร์ก่อนการวัดค่าเสมอ เช่นการวัดความต้านทาน การวัดจะถูกต้องได้
ก่อนการวัดค่า ต้องปรับแต่งมิเตอร์ก่อนทุกครั้ง
เอกสารอ้างอิง
รังสรรค์ ศรีสาคร สาขาวิชาฟิสิกส์ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ศึกษาธิการ, กระทรวง : กรมวิชาการ. ความรู้เกี่ยวกับงานวิทยุและการตรวจซ่อม. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์การศาสนา, 2529.
ชื่อหนังสือ ความรู้พื้นฐานวิชาชีพ วิศวกรรมไฟฟ้า
ผู้แต่ง วิวัตน์ กุลวงศ์วิทย์ และคณะผู้เขียน
สำนักพิมพ์ สมาคมวิศวกรออกแบบและปรึกษาเครื่องกลและไฟฟ้าไทย
สมาคมช่างเหมาไฟฟ้าและเครื่องกลไทย
จัดทำโดย
นายณัฐวิชญ์ ธรรมนันท์ 55070500418 ห้องA ชั้นปีที่ 2 ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า
คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
ใน การวัด ความต่างศักย์ ไฟฟ้า กระแสตรง ของ เซลล์ ไฟฟ้า ชนิด หนึ่ง (สมมติ ว่า ค่า ไม่ เกิน 1.7V) ต้อง บิดสวิตช์เลือก การวัด ไป ที่DCV และ เลือก ช่วงการวัด 0-2 V ช่วงการวัด นี้ มี ความแม่น
(0.5% rdg+1dgt) ซึ่ง หา ได้ ดังนี้ สมมติ ค่า ที่ อ่าน ได้ (reading) จาก จอแสดงผล = 1.604V
ดังนั้น 0.5% rdg = 0.5 x 10-2 x 1.604V = 0.008V
และ 1dgt = 0.001 V ได้ จาก การ พิจารณา ว่า ค่า ที่ อ่าน ได้ คือ 1.604V เกิด จาก การนับ 1604 ครั้ง ใน การนับ ทั้งหมด 1604 ครั้ง นี้ มี ความผิดพลาด ได้ 1 ครั้ง ดังนั้น 1dgt ใน ที่ นี้ คือ 1 ใน 1604 หรือ ประมาณ 0.001 V ใน 1.604V
ข้อควรระวังและการเตรียมสำหรับการวัด
1. ก่อน การวัด ปริมาณ ใด ต้องแน่ใจว่า
1) บิด
2) สวิตซ์ |

3. ใน กรณี ที่ วัด ความต่างศักย์ไฟฟ้าสูง ตั้ง แต่ 25 VAC หรือ 60 VDC ขึ้น ไป ระวัง อย่า ให้ ส่วน ใด ของ ร่างกาย แตะ วงจร ที่ กำลัง วัด จะ เป็น อันตราย ได้
4.เมื่อ ใช้ งาน เสร็จ แล้ว ให้ เลื่อน สวิตซ์ ปิด-เปิด มา ที่ OFF ถ้า ไม่ ได้ ใช้ เป็น เวลา นาน ควร เอา แบตเตอรี่ ออก ด้วยการวัด ปริมาณ กระแส สูง (~10A) ควร ใช้ เวลา วัด ใน ช่วงสั้น ไม่ เกิน 30 วินาที
5. ใน ขณะ ที่ กำลัง ทำ การวัด และ ต้องการ ปรับ ช่วงการวัด ให้ ต่ำ ลง หรือ สูง ขึ้น หรือ เลือก การวัด ปริมาณ อื่น ให้ ดำเนินการ ดังนี้
1) ยก
2) ปรับ 3) ทำ บทสรุป |
มัลติมิเตอร์
เป็นมิเตอร์ใช้วัดปริมาณไฟฟ้าได้หลายชนิด ถูกสร้างขึ้นมา เพื่อ อำนวยความสะดวกต่อผู้ใช้
โครงสร้างของมัลติมิเตอร์ประกอบด้วยส่วนประกอบของอุปกรณ์ หลายชนิด
แต่ละชนิดมีขนาดเล็กและบอบบาง ยิ่งในส่วนเคลื่อนไหวยิ่งต้องระมัดระวัง
เพราะชำรุดเสียหายได้ง่ายถ้าถูกกระทบกระเทือนตรง ๆ
ตลอดจนการนำไปใช้งานต้องมีความระมัดระวังเรื่องปริมาณไฟฟ้าที่จะวัด
ต้องไม่มากเกินกว่าย่านที่ตั้งวัด
ถ้าไม่ทราบค่าปริมาณไฟฟ้าที่จะวัดควรตั้งย่านวัดสูงสุดไว้ก่อน การวัดปริมาณไฟฟ้าที่เป็นพวกไฟกระแสตรง (DC) ไม่ว่าเป็นแรงดันไฟฟ้าหรือกระแสไฟฟ้า ขณะต่อมัลติมิเตอร์วัดวงจรไฟฟ้านั้น
ต้องคำนึงถึงขั้วของมัลติมิเตอร์
และขั้วแรงดันของแหล่งจ่ายในวงจรต้องเหมือนกันโดยยึดหลักการต่อวัดดังนี้
ใกล้บวกต่อบวก ใกล้ลบต่อลบจึงสามารถวัดค่าปริมาณไฟฟ้านั้น ๆ ได้
ส่วนปริมาณไฟฟ้าที่เป็นพวกไฟกระแสสลับ (AC) ไม่ว่าเป็นแรงดันไฟฟ้าหรือกระแสไฟฟ้าขณะต่อมัลติมิเตอร์วัดวงจรไฟฟ้านั้น
ๆ ไม่ต้องคำนึงถึงขั้วของมัลติมิเตอร์และขั้วแรงดันของแหล่งจ่ายในวงจร ความสำคัญอีกประการหนึ่งคือการตั้งย่านวัดค่าปริมาณไฟฟ้า
ต้องตั้งย่านวัดปริมาณไฟฟ้าให้ถูกต้องตามาชนิดของปริมาณไฟฟ้านั้น ๆ เพราะการตั้งย่านวัดผิดชนิดอาจมีผลทำให้มัลติมิเตอร์ชำรุดเสียหายได้
และการตั้งย่านวัดที่เหมาะสมเป็นสิ่งจำเป็นเช่นกันจะช่วยให้การอ่านค่าการวัดมีความถูกต้องมากขึ้นการวัดปริมาณไฟฟ้าบางชนิดต้องทำการปรับแต่งมิเตอร์ก่อนการวัดค่าเสมอ เช่นการวัดความต้านทาน การวัดจะถูกต้องได้
ก่อนการวัดค่า ต้องปรับแต่งมิเตอร์ก่อนทุกครั้ง
เอกสารอ้างอิง
รังสรรค์ ศรีสาคร สาขาวิชาฟิสิกส์ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ศึกษาธิการ, กระทรวง : กรมวิชาการ. ความรู้เกี่ยวกับงานวิทยุและการตรวจซ่อม. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์การศาสนา, 2529.
ศึกษาธิการ, กระทรวง : กรมวิชาการ. ความรู้เกี่ยวกับงานวิทยุและการตรวจซ่อม. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์การศาสนา, 2529.
ชื่อหนังสือ ความรู้พื้นฐานวิชาชีพ วิศวกรรมไฟฟ้า
ผู้แต่ง วิวัตน์ กุลวงศ์วิทย์ และคณะผู้เขียน
สำนักพิมพ์ สมาคมวิศวกรออกแบบและปรึกษาเครื่องกลและไฟฟ้าไทย
สมาคมช่างเหมาไฟฟ้าและเครื่องกลไทย
จัดทำโดย
นายณัฐวิชญ์ ธรรมนันท์ 55070500418 ห้องA ชั้นปีที่ 2 ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า
คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)